Blog > ขายของออนไลน์ > วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของ Shopify

วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของ Shopify

Khun BigT 27 มิ.ย. 2024 11:29

ธุรกิจ E commerce เป็นประเด็นร้อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างมหาศาล  ในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าที่ขายของออนไลน์ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจยังไม่รู้จักกับ Shopify มากเท่าที่ควรและเพื่อให้ทุกคนไม่ตกเทรน



แล้ว Shopify คืออะไรคะ ซึ่งคือระบบสร้างร้านค้าสำเร็จรูปที่มีรูปแบบหรือ Template ให้เลือกมากมายตามสไตล์ที่เหมาะสมกับร้านค้า หลังจากที่มีการสมัครใช้บริการเรียบร้อยแล้วก็สามารถใส่ข้อมูลร้านค้า สินค้าหรือรูปภาพต่างๆได้แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มาดูกัน Shopify มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

 

ข้อดีของ Shopify

1. ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบของแพลตฟอร์ม: มีความอิสระและความยืดหยุ่นสูง สามารถออกแบบ โฆษณา และดำเนินการได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการละเมิดกฎของแพลตฟอร์ม และสามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้เต็มที่

2. รองรับลูกค้าทั่วโลก: Shopify สามารถให้บริการลูกค้าทั่วโลกได้ ไม่จำกัดภูมิภาค ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดหรือพื้นที่ใด สามารถทำธุรกิจทั่วโลกได้อย่างอิสระ แสดงสินค้าและบริการบนเว็บไซต์

3. ช่วยสร้างแบรนด์ ให้ลูกค้าไว้วางใจและยอมรับ: เมื่อเทียบกับราคา ลูกค้าของ Shopify มักจะให้ความสำคัญกับแบรนด์มากกว่า เมื่อพวกเขายอมรับแบรนด์ เกิดความไว้วางใจ และกลายเป็นผู้ติดตามแท้ๆ แล้ว พวกเขาจะซื้อซ้ำและแนะนำให้ผู้บริโภครายอื่น ๆ

4. เอื้อต่อการโปรโมตบนแพลตฟอร์มต่างๆ: Shopify สามารถช่วยผู้ค้าโปรโมตบนแพลตฟอร์มหลักได้ดีขึ้น สามารถดึงดูดทราฟฟิกจากช่องทางหลากหลาย เช่น YouTube, Instagram, WhatsApp, Twitter, Pinterest, Quora, Facebook, Google, TikTok เป็นต้น

5. อัตรากำไรสูง: เมื่อขายของบน Shopify ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเท่ากัน 50 บาทสามารถขายได้ในราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก

 

ข้อดีของ Shopify สำหรับผู้ขายมือใหม่

1. ข้อได้เปรียบของ Shopify สำหรับผู้ขายมือใหม่คือไม่ต้องการใช้เทคนิค การออกแบบแพลตฟอร์มของ Shopify ช่วยให้ผู้ขายมือใหม่สามารถสร้างและจัดการร้านค้าของตนเองได้อย่างง่ายดาย

2. แหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่หลากหลาย: มีบทเรียนออนไลน์ บทความบล็อก และฟอรั่มชุมชนมากมาย ช่วยให้ผู้ขายมือใหม่เรียนรู้เทคนิคการดำเนินการอีคอมเมิร์ซได้อย่างรวดเร็ว

3. ต้นทุนต่ำ: เมื่อเทียบกับร้านค้าออฟไลน์แบบดั้งเดิม การเริ่มต้นใช้ Shopify มีต้นทุนต่ำมาก เพียงแค่จ่ายค่าเช่ารายเดือนและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม

4. ความยืดหยุ่นในการขยายตัว: เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ผู้ขายสามารถเพิ่มฟังก์ชันปลั๊กอินต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ เพื่อเพิ่มความสามารถของร้านค้า

5. รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน: เหมาะมากสำหรับผู้ขายที่มีความต้องการทางธุรกิจระหว่างประเทศ

 

ข้อเสียของ Shopify สำหรับผู้ขายมือใหม่

1. Shopify ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ในการดึงดูดและนำทราฟฟิกเข้ามา ต้องใช้เวลาและความพยายามมากในการทำการตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น SEO, SEM, และโซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดลูกค้าที่เป็นไปได้

2. การโปรโมททราฟฟิกเป็นสิ่งที่ต้องใช้เงินมาก ระหว่างการทดสอบทราฟฟิก ต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล แยกแยะประสิทธิภาพของทราฟฟิก และทุ่มเทความพยายามไปยังจุดที่มีประสิทธิภาพ มิฉะนั้นความพยายามจะสูญเปล่า

 

สรุป

สำหรับผู้ขายออนไลน์ บริหารร้านค้าต้องการเสียเวลาและแรงงานมาก BigSeller สามารถช่วยคุณจัดการ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 16+ แห่ง เช่น Shopee, TikTok, Lazada เป็นต้น ขอให้ผู้ขายทุกท่านประสบความสำเร็จในตลาดอีคอมเมิร์ซ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง