Blog > ขายของออนไลน์ > ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ! 6 ขั้นตอนสำคัญที่ผู้ขายอีคอมเมิร์ซห้ามพลาด

ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ! 6 ขั้นตอนสำคัญที่ผู้ขายอีคอมเมิร์ซห้ามพลาด

น้องบิ๊ก 17 ต.ค. 2024 09:32

ในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง ผู้ขายต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากในการรักษาคุณภาพสินค้า ในขณะเดียวกันก็ต้องลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บทความนี้จะวิเคราะห์ขั้นตอนสำคัญ 6 ขั้นตอนที่ผู้ขายอีคอมเมิร์ซต้องให้ความสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการทำงานและเพิ่มผลกำไร!

1. การจัดการซัพพลายเชน: การจัดซื้ออย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการสต็อกอัจฉริยะ

ซัพพลายเชนเป็นรากฐานของการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซ การจัดซื้ออย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการสต็อกที่ดีจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก โดยการเจรจากับซัพพลายเออร์หรือใช้เครื่องมือจัดซื้ออัตโนมัติ จะช่วยให้สามารถสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากในราคาที่ถูกลง ในขณะเดียวกัน การใช้ระบบจัดการสต็อกที่อัจฉริยะจะช่วยลดปัญหาการเก็บสต็อกเกินความจำเป็นหรือขาดแคลนสินค้า และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บอีกด้วย คลิกที่นี่เพื่อ


2. การจัดส่งและขนส่ง: ส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและต้นทุน

การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้และราคาคุ้มค่าสำคัญอย่างมาก เพราะมีผลต่อความรวดเร็วในการส่งสินค้าและประสบการณ์ของลูกค้า การวางแผนเส้นทางการหยิบสินค้าที่เหมาะสมและการปรับปรุงขั้นตอนการทำงานในคลังสินค้า เช่น ฟังก์ชันการหยิบสินค้าแบบ Wave ของ BigSeller (สำหรับผู้ใช้ที่มีจำนวน 300 ขึ้นไปต่อไป) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหยิบสินค้า หลีกเลี่ยงการกระทบต่อเวลาในการจัดส่งและต้นทุนด้านโลจิสติกส์เนื่องจากการดำเนินงานคลังสินค้าภายในไม่มีประสิทธิภาพ


3. ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มและการโฆษณา: คำนวณค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มและค่าโฆษณาเป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเพิ่มอัตราการแปลงของโฆษณาจะช่วยลดการสิ้นเปลืองงบประมาณได้ แนะนำให้ปรับกลยุทธ์การโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และวางแผนกิจกรรมส่งเสริมการขายบนแพลตฟอร์มให้เหมาะสม เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่าย


4. การบริการลูกค้าและหลังการขาย: ระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดี

การตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็วส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้า การใช้เครื่องมือบริการลูกค้าอัตโนมัติจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน อีกทั้งการปรับปรุงขั้นตอนการคืนสินค้าจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจและลดเวลาในการจัดการหลังการขาย


5. การวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงาน: ใช้ข้อมูลขับเคลื่อนการตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยขาดการพิจารณาที่รอบคอบ

ข้อมูลเป็นอาวุธสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย ผลลัพธ์จากการโฆษณา และการเคลื่อนไหวของสต็อกจะช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาและปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เช่น การวิเคราะห์ว่าสินค้าใดขายดีหรือโฆษณาใดมีอัตราการแปลงที่สูง เพื่อปรับกลยุทธ์การขายและการโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


6. การกำหนดราคาและกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่เหมาะสม: ค้นหาสมดุลระหว่างกำไรและการตลาด

การคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำและการวิจัยตลาดช่วยให้ตั้งราคาที่แข่งขันได้ในตลาดและยังคงได้กำไร การออกแบบโปรโมชั่นควรมีการวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรม ลดปัญหาสต็อกล้นและโปรโมชั่นที่ไม่เกิดผล ช่วยเพิ่มอัตราการขายและลดต้นทุนการดำเนินงานในช่วงโปรโมชั่น



การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงการลดต้นทุนอย่างเดียว แต่เป็นการบริหารจัดการกระบวนการทำงานอย่างละเอียดและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเชน การขนส่ง บริการลูกค้า หรือการโฆษณาและวิเคราะห์ข้อมูล การปรับปรุงทั้ง 6 ขั้นตอนนี้จะทำให้การดำเนินงานของร้านค้ามีประสิทธิภาพและมีกำไรมากขึ้น



ระบบหลังบ้าน BigSeller

BigSeller เป็นระบบ ERP E-commerce ที่ใช้งานง่าย โดยออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ มีฟังก์ชัน ด้านอีคอมเมิร์ซที่ครบครันอย่างเช่น การดึงร้านค้า การคัดลอกรายการ การจัดการคําสั่งซื้อ การจัดการสินค้าคงคลัง รายงานการขาย ระบบอัตโนมัติ และการป้องกันการขายเกินสต็อก เพื่อช่วยให้ยอดขายของผู้ขายเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพจากช่องทางการขายหลายๆช่องทาง

คลิกเพื่อลงทะเบียนฟรี BigSeller