Blog > ฟีเจอร์ > 5 เหตุผลที่ร้านค้าออนไลน์ควรจัดการออเดอร์ผ่านระบบ BigSeller

5 เหตุผลที่ร้านค้าออนไลน์ควรจัดการออเดอร์ผ่านระบบ BigSeller

น้องแดง 29 พ.ย. 2024 10:01

การจัดการออเดอร์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การใช้ระบบจัดการออเดอร์ที่ครบวงจรอย่าง BigSeller จะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวล้ำกว่าคู่แข่ง บทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 5 เหตุผลที่ร้านค้าออนไลน์ควรเลือกใช้ระบบ BigSeller ในการจัดการออเดอร์ 




1. รองรับการจัดการออเดอร์หลายแพลตฟอร์ม และรองรับทุกประเภทออเดอร์

BigSeller รองรับการจัดการออเดอร์จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากกว่า 16 แพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada และ TikTok Shop อีกทั้งยังสามารถจัดการออเดอร์ได้หลากหลายประเภท เช่น ออเดอร์ POS, ออเดอร์ที่สร้างด้วยมือ และออเดอร์จากการแชท

จุดเด่นสำคัญ:
1. จัดการออเดอร์ทุกแพลตฟอร์มได้ในที่เดียว: ไม่ต้องสลับแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง BigSeller ช่วยรวบรวมออเดอร์ทั้งหมดไว้ในระบบเดียว ดูแลตั้งแต่การรับออเดอร์จนถึงการจัดส่ง
2. ติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์: ลดเวลาที่เสียไปกับการตอบคำถามลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
3. วิเคราะห์กำไร-ขาดทุนของออเดอร์: ระบบคำนวณข้อมูลกำไรและขาดทุนในแต่ละออเดอร์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา
4. จัดการออเดอร์คืนสินค้าได้ง่าย: ตรวจสอบสถานะการคืนสินค้าได้ทันที พร้อมปรับสต็อกได้อย่างแม่นยำ

การรวมทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันในระบบเดียว ช่วยให้การจัดการออเดอร์สะดวกและตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็วขึ้น

 

2. ฟีเจอร์การแยกออเดอร์ Shopee เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดส่ง

ฟีเจอร์ใหม่ การแยกออเดอร์ Shopee ของ BigSeller ช่วยให้การจัดการออเดอร์ที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่าย รองรับการใช้งานในหลายสถานการณ์:

- สต็อกไม่เพียงพอ: เมื่อสินค้าบางรายการในออเดอร์มีสต็อกไม่พอ ระบบจะแยกออเดอร์เพื่อส่งสินค้าที่มีสต็อกก่อน และรอส่งสินค้าที่เหลือหลังจากเติมสต็อก
- สินค้าจากหลายคลังสินค้า: หากสินค้าที่สั่งมาจากคลังสินค้าต่างกัน ระบบจะแยกออเดอร์ออกเป็นหลายคำสั่งซื้อ และจัดส่งจากแต่ละคลังสินค้า
- รูปแบบการจัดส่งที่ต่างกัน: ระบบจะแยกออเดอร์ตามความเหมาะสม เช่น สินค้าบางรายการที่ต้องการการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ในขณะที่สินค้าอื่นส่งผ่านการขนส่งปกติได้
- สินค้าแบบพรีออเดอร์และสินค้าพร้อมส่ง: ระบบจะแยกออเดอร์ระหว่างสินค้าพร้อมส่งและพรีออเดอร์ เพื่อให้สินค้าพร้อมส่งสามารถจัดส่งได้ทันที
- ออเดอร์จากซัพพลายเออร์หลายราย: สำหรับออเดอร์ที่มาจากหลายซัพพลายเออร์ ระบบจะแยกออเดอร์ออก เพื่อให้แต่ละซัพพลายเออร์จัดการคำสั่งซื้อของตนเอง

ข้อดีของฟีเจอร์นี้:
- เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ลดปัญหาความล่าช้าในการจัดส่ง
- ลดข้อผิดพลาดในการแยกออเดอร์ด้วยระบบอัตโนมัติ
- ช่วยให้ร้านค้าจัดการออเดอร์ที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น

 

3. ฟีเจอคำสั่งซื้อส่งด่วน ช่วยรับมือกับข้อกำหนดด้านเวลาของ Shopee Logistics

ในโลกของอีคอมเมิร์ซ เวลาในการจัดส่งสินค้ามีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงโปรโมชั่นหรือเทศกาล ดังนั้น BigSeller จึงได้ได้พัฒนาฟีเจอร์ คำสั่งซื้อส่งด่วน เพื่อช่วยให้ร้านค้าสามารถพิมพ์ใบปะหน้าได้ทันทีจากหน้ารายการ “รอดำเนินการ” และส่งสินค้าได้ทันตามกำหนด

จุดเด่นของฟีเจอร์นี้:
1. ประหยัดเวลาในการดำเนินการ: พิมพ์ใบปะหน้าได้โดยตรงในหน้าออเดอร์
2. รองรับการจัดส่งทันเวลา: ตอบโจทย์ข้อกำหนดการจัดส่งของ Shopee Logistics ลดความเสี่ยงในการส่งล่าช้า
3. จัดการออเดอร์ช่วงโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น: ช่วยให้ร้านค้ารับมือกับปริมาณออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาพิเศษ

ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการและช่วยให้การจัดส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น 


4. จัดการการคืนสินค้าได้ง่าย พร้อมติดตามเวลาเข้าสู่คลังสินค้า

การคืนสินค้าเป็นกระบวนการที่ร้านค้าออนไลน์ต้องใส่ใจ BigSeller ช่วยให้การจัดการคืนสินค้าสะดวกและโปร่งใส 

จุดเด่นของฟีเจอร์นี้:
1. ติดตามสถานะคืนสินค้าแบบเรียลไทม์: ระบบจะแจ้งเวลาที่สินค้าถึงคลังโดยอัตโนมัติ
2. ปรับสต็อกได้อย่างแม่นยำ: ระบบจะอัปเดตจำนวนสต็อกทันทีหลังจากรับสินค้าคืน
3. ลดเวลาในการคืนเงิน: ระบบช่วยให้ร้านค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่าควรคืนเงินหรือส่งสินค้าใหม่
4. เสริมความพึงพอใจของลูกค้า: การแสดงสถานะที่ชัดเจนช่วยเพิ่มความไว้วางใจและสร้างความเชื่อมั่น

ด้วยฟีเจอร์นี้ ร้านค้าสามารถลดข้อผิดพลาดและจัดการกระบวนการคืนสินค้าได้อย่างมืออาชีพ

 

5. BigSeller รองรับ seller own fleet

BigSeller สามารถเชื่อมต่อกับโลจิสติกส์บุคคลที่สาม เพื่อรองรับการจัดการขนส่งที่ร้านค้าสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง

จุดเด่นของฟีเจอร์นี้:

1. ความยืดหยุ่นในการขนส่ง:ผู้ขายสามารถตั้งค่ารูปแบบการขนส่งและค่าจัดส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง เช่น การใช้ทีมขนส่งของร้านค้าหรือบริษัทขนส่งเฉพาะทางที่ต้องการ

2. การจัดการง่ายในระบบเดียว:BigSeller รวมข้อมูลคำสั่งซื้อและการขนส่งในแพลตฟอร์มเดียว ลดความยุ่งยากในการติดตามคำสั่งซื้อและสถานะการจัดส่ง

3. รองรับการสร้าง Tracking Number อัตโนมัติ:ผู้ขายสามารถสร้างหมายเลขติดตามพัสดุ (Tracking Number) สำหรับการจัดส่งของตนเองได้ในระบบ BigSeller ทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้อย่างสะดวก

4. รองรับหลายช่องทางการขาย:ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้กับคำสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ เช่น Shopee, Lazada หรือแม้กระทั่งคำสั่งซื้อทางแชทที่มาจาก Facebook


สรุป
BigSeller เป็นระบบที่รวมฟีเจอร์สำคัญในการจัดการออเดอร์ ช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดการออเดอร์หลายแพลตฟอร์ม ฟีเจอร์แยกออเดอร์ Shopee การจัดการออเดอร์ด่วน และการติดตามสถานะการคืนสินค้า

หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการออเดอร์ และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า BigSeller คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ลองใช้เลยวันนี้ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง!



BigSeller ช่วยให้ผู้ขายอีคอมเมิร์ซในแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Shopee, Lazada, TikTok, LineShop และ Shopify รวมถึงกว่า 16 แพลตฟอร์ม สามารถจัดการสินค้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดำเนินการ OMS (ระบบจัดการคำสั่งซื้อ) การซิงค์สต็อก ไปจนถึงฟังก์ชัน WMS ( ระบบการจัดการคลังสินค้า )  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือการตลาดที่แม่นยำและการดำเนินงานอัจฉริยะ ช่วยให้ร้านค้าของคุณโดดเด่นในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ปัจจุบัน BigSeller ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานกว่า 100,000 รายในประเทศไทย อย่ารอช้า! 👉 คลิกลงทะเบียน BigSeller 👈 เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม และเริ่มต้นเส้นทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของคุณได้ทันที! ใช้ Bigseller ทันทีเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่


ใช้ BigSeller ก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่!