ขายของออนไลน์แบบ Dropship คืออะไร ไม่ต้องสต็อกของ
Khun Big 04 ม.ค. 2023 11:14
การขายของออนไลน์ นอกจากขายของแบบมีสต็อกของแล้ว ยังสามารถขายของแบบ Dropship (ดรอบชิป) ได้ ก็คือ พ่อค้าแม่ค้าไม่ต้องเก็บสต็อกของไว้นั่นเอง แล้วขายของออนไลน์แบบ Dropship (ดรอบชิป) คืออะไร บทความนี้พาทุกท่านมารู้จักกัน
รูปภาพจาก istockphoto
Dropship คืออะไร
Dropship คือ ช่องทางการขายของออนไลน์แบบไม่มีสต็อกของ หรือที่เข้าใจกันว่า ตัวแทนจำหน่าย จะเป็นการนำสินค้าจากร้านคนอื่นมาวางขายไว้ในร้านค้าของคุณ โดยคุณสามารถตั้งราคาขายเอง และโพสต์ขายของช่องทางต่างๆได้ เช่น Maketplace Social Media หลังจากการมีลูกค้าสั่งซื้อจากร้านคุณ ทางซัพพลายเออร์จะเป็นคนที่จัดส่งสินค้าไปยังปลายทางลูกค้า ค่อนข้างจะเหมาะสมกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่
Dropship จะเริ่มต้นอย่างไร
รู้จัก Dropship คืออะไรแล้ว หากแม่ค้าจะเริ่มต้นทำธุรกิจแบบ Dropship ควรจะเริ่มต้นอย่างไร
1. คิดให้ดีว่าจะขายของอะไร แล้วไปค้นหาร้านค้าหรือซัพพลายเออร์ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่ายแบบ Dropship
2. เลือกประเภทสินค้าที่ต้องการขาย แล้วสมัครเป็น ตัวแทนจำหน่าย กับร้านค้านั้น
3. นำข้อมูลสินค้ามาลงบนร้านค้าออนไลน์ของคุณหรือช่องทางอื่นๆ เช่น Shopee Lazada TikTok Facebook IG เป็นต้น
4. หาวิธีมาให้สินค้าของตนเองให้คนมองเห็นมากขึ้น
5. เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็ส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์
6. ทางซัพพลายเออร์จะเป็นผู้ที่แพ็คสินค้าและจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าในนามของร้านตัวแทนจำหน่าย
ข้อดีของการทำธุรกิจแบบ Dropship
1. ลงทุนน้อย
การทำ Dropship แม่ค้าไม่ต้องควักเงินซื้อของมาเก็บสต็อกไว้ ลดความเสี่ยงในการตุนของ ไม่ต้องซื้อกล่องแพ็ค และ/หรือไม่ต้องเสียเงินมาจ้างคนช่วยแพ็คของและส่งของ เพราะการทำงานดังกล่าวจะเป็นซัพพลายเออร์ผู้ที่เจ้าของสินค้าจะเป็นคนที่รับผิดชอบ โดยแม่ค้าใช้ทุนน้อย ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่ายดาย
2. เริ่มต้นง่าย
การทำ Dropship แม่ค้าใช้แค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว และมีอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเริ่มทำ Dropship ได้ ไม่จำเป็นต้องตุนของและใช้เวลามากมายในการถ่ายรูปสินค้า สามารถใช้เครื่องมือมาลงสินค้าได้ด้วยคลิกเดียว และยังสามารถติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับคุณแม่ฟูลไทม์และผู้ปฏิบัติงานที่มีเวลาว่างมากมาย
3. เลือกสินค้าประเภทได้หลากหลาย
การทำ Dropship สามารถเลือกขายสินค้าได้หลากหลาย แม่ค้าสามารถหาร้านค้าการจัดจำหน่ายที่ต้องการจะขายสินค้าประเภทนั้นได้ด้วยตนเอง ขายสินค้าของร้านค้าในฐานะตัวแทน รับส่วนต่างราคาจากแพลตฟอร์ม หากได้ขายออกเป็นจำนวนมาก ยิ่งได้รับผลกำไรมากขึ้น
4. การสั่งซื้อสะดวก
การทำ Dropship เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าในร้านค้าของคุณ คุณก็คัดลอกที่อยู่ลูกค้าและไปที่ซัพพลายเออร์โดยตรงเพื่อสั่งซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน จากนั้นซัพพลายเออร์จะจัดส่งให้และส่งหมายเลขคำสั่งซื้อให้คุณ และคุณเพียงแค่คลิกจัดส่งเท่านั้น
ข้อเสียของการทำธุรกิจแบบ Dropship
1. ความไม่แน่นอนของแหล่งที่มาของสินค้า
การทำ Dropship ไม่ต้องเก็บสต็อกไว้ โดยเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามา พ่อค้าแม่ค้าก็สั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ แต่ไม่แน่นอนว่าซัพพลายเออร์จะมีสต็อกของสินค้าชนิดในตอนนั้นหรือไม่ โดยอาจยังต้องเสียเวลาในการค้นหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการจัดส่งไปให้กับลูกค้าช้า และลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อได้
2. การแข่งขันของราคาสูง
การทำ Dropship ใครๆก็เริ่มต้นทำได้ ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่สูงและไม่มีการได้เปรียบด้านราคา หากพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าชนิดเดียวกัน ลูกค้าอาจเต็มใจที่จะซื้อในร้านค้าที่ราคาถูกกว่าก็ได้
3. สินค้าไม่ตรงปก
การทำ Dropship พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของสินค้า และไม่ใช่เป็นคนที่จัดส่งเองด้วย อาจเกิดเรื่องสินค้าที่ลูกค้าได้รับไม่ตรงปก ทำให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเสียความน่าเชื่อถือได้
สรุป
คนที่สนใจขายของออนไลน์แบบ Dropship สามารถเริ่มลงมือทำได้ ไม่ต้องสต็อกของ ลงทุนน้อย ประหยัดเวลาการทำงาน ช่วงแรกจะต้องใช้เวลาในการค้นหาซัพพลายเออร์ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่าย และการให้คนมองเห็นสินค้าในร้านค้าของคุณหน่อย ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่หารายได้ได้
หากต้องการในการลงสินค้าให้อย่างรวดเร็ว ช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นระบบมากขึ้น สามารถเลือกใช้ระบบ BigSeller ได้ค่ะ
รูปภาพจาก istockphoto
Dropship คืออะไร
Dropship คือ ช่องทางการขายของออนไลน์แบบไม่มีสต็อกของ หรือที่เข้าใจกันว่า ตัวแทนจำหน่าย จะเป็นการนำสินค้าจากร้านคนอื่นมาวางขายไว้ในร้านค้าของคุณ โดยคุณสามารถตั้งราคาขายเอง และโพสต์ขายของช่องทางต่างๆได้ เช่น Maketplace Social Media หลังจากการมีลูกค้าสั่งซื้อจากร้านคุณ ทางซัพพลายเออร์จะเป็นคนที่จัดส่งสินค้าไปยังปลายทางลูกค้า ค่อนข้างจะเหมาะสมกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่
Dropship จะเริ่มต้นอย่างไร
รู้จัก Dropship คืออะไรแล้ว หากแม่ค้าจะเริ่มต้นทำธุรกิจแบบ Dropship ควรจะเริ่มต้นอย่างไร
1. คิดให้ดีว่าจะขายของอะไร แล้วไปค้นหาร้านค้าหรือซัพพลายเออร์ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่ายแบบ Dropship
2. เลือกประเภทสินค้าที่ต้องการขาย แล้วสมัครเป็น ตัวแทนจำหน่าย กับร้านค้านั้น
3. นำข้อมูลสินค้ามาลงบนร้านค้าออนไลน์ของคุณหรือช่องทางอื่นๆ เช่น Shopee Lazada TikTok Facebook IG เป็นต้น
4. หาวิธีมาให้สินค้าของตนเองให้คนมองเห็นมากขึ้น
5. เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็ส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์
6. ทางซัพพลายเออร์จะเป็นผู้ที่แพ็คสินค้าและจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าในนามของร้านตัวแทนจำหน่าย
ข้อดีของการทำธุรกิจแบบ Dropship
1. ลงทุนน้อย
การทำ Dropship แม่ค้าไม่ต้องควักเงินซื้อของมาเก็บสต็อกไว้ ลดความเสี่ยงในการตุนของ ไม่ต้องซื้อกล่องแพ็ค และ/หรือไม่ต้องเสียเงินมาจ้างคนช่วยแพ็คของและส่งของ เพราะการทำงานดังกล่าวจะเป็นซัพพลายเออร์ผู้ที่เจ้าของสินค้าจะเป็นคนที่รับผิดชอบ โดยแม่ค้าใช้ทุนน้อย ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่ายดาย
2. เริ่มต้นง่าย
การทำ Dropship แม่ค้าใช้แค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว และมีอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเริ่มทำ Dropship ได้ ไม่จำเป็นต้องตุนของและใช้เวลามากมายในการถ่ายรูปสินค้า สามารถใช้เครื่องมือมาลงสินค้าได้ด้วยคลิกเดียว และยังสามารถติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับคุณแม่ฟูลไทม์และผู้ปฏิบัติงานที่มีเวลาว่างมากมาย
3. เลือกสินค้าประเภทได้หลากหลาย
การทำ Dropship สามารถเลือกขายสินค้าได้หลากหลาย แม่ค้าสามารถหาร้านค้าการจัดจำหน่ายที่ต้องการจะขายสินค้าประเภทนั้นได้ด้วยตนเอง ขายสินค้าของร้านค้าในฐานะตัวแทน รับส่วนต่างราคาจากแพลตฟอร์ม หากได้ขายออกเป็นจำนวนมาก ยิ่งได้รับผลกำไรมากขึ้น
4. การสั่งซื้อสะดวก
การทำ Dropship เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าในร้านค้าของคุณ คุณก็คัดลอกที่อยู่ลูกค้าและไปที่ซัพพลายเออร์โดยตรงเพื่อสั่งซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน จากนั้นซัพพลายเออร์จะจัดส่งให้และส่งหมายเลขคำสั่งซื้อให้คุณ และคุณเพียงแค่คลิกจัดส่งเท่านั้น
ข้อเสียของการทำธุรกิจแบบ Dropship
1. ความไม่แน่นอนของแหล่งที่มาของสินค้า
การทำ Dropship ไม่ต้องเก็บสต็อกไว้ โดยเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามา พ่อค้าแม่ค้าก็สั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ แต่ไม่แน่นอนว่าซัพพลายเออร์จะมีสต็อกของสินค้าชนิดในตอนนั้นหรือไม่ โดยอาจยังต้องเสียเวลาในการค้นหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการจัดส่งไปให้กับลูกค้าช้า และลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อได้
2. การแข่งขันของราคาสูง
การทำ Dropship ใครๆก็เริ่มต้นทำได้ ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่สูงและไม่มีการได้เปรียบด้านราคา หากพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าชนิดเดียวกัน ลูกค้าอาจเต็มใจที่จะซื้อในร้านค้าที่ราคาถูกกว่าก็ได้
3. สินค้าไม่ตรงปก
การทำ Dropship พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของสินค้า และไม่ใช่เป็นคนที่จัดส่งเองด้วย อาจเกิดเรื่องสินค้าที่ลูกค้าได้รับไม่ตรงปก ทำให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเสียความน่าเชื่อถือได้
สรุป
คนที่สนใจขายของออนไลน์แบบ Dropship สามารถเริ่มลงมือทำได้ ไม่ต้องสต็อกของ ลงทุนน้อย ประหยัดเวลาการทำงาน ช่วงแรกจะต้องใช้เวลาในการค้นหาซัพพลายเออร์ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่าย และการให้คนมองเห็นสินค้าในร้านค้าของคุณหน่อย ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่หารายได้ได้
หากต้องการในการลงสินค้าให้อย่างรวดเร็ว ช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นระบบมากขึ้น สามารถเลือกใช้ระบบ BigSeller ได้ค่ะ