พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องรู้! วิธีใช้การจัดระดับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดซื้อซ้ำได้ถึง 50%
น้องชมพู 17 ธ.ค. 2024 03:35
ทำไมการจัดระดับลูกค้าถึงสำคัญ?
การจัดระดับลูกค้าเป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละประเภทได้อย่างตรงจุด ลูกค้าระดับ VIP ที่มีการซื้ออย่างต่อเนื่อง อาจต้องการสิทธิพิเศษที่มากขึ้น เช่น ส่วนลดหรือการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น ในขณะเดียวกัน ลูกค้าที่ซื้อเพียงครั้งเดียว อาจต้องได้รับโปรโมชั่นที่ดึงดูดให้กลับมาซื้อซ้ำ การจัดระดับลูกค้าจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การจัดระดับยังช่วยให้คุณประหยัดเวลาและทรัพยากรในการทำการตลาด คุณสามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและส่งโปรโมชั่นให้กับลูกค้ากลุ่มที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าของคุณมากที่สุด ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน
วิธีจัดระดับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย
เริ่มต้นด้วยการเก็บข้อมูลลูกค้าจากประวัติการซื้อ เช่น ยอดสั่งซื้อสะสม ความถี่ในการซื้อสินค้าของลูกค้า และความสนใจในประเภทสินค้าต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาจัดระดับลูกค้าได้อย่างชัดเจน เช่น ลูกค้าระดับ VIP ลูกค้าประจำ หรือแม้แต่ลูกค้าที่ซื้อครั้งเดียว
เมื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าได้แล้ว คุณสามารถสร้างโปรโมชั่นพิเศษสำหรับแต่ละระดับได้ เช่น
- ลูกค้าระดับ VIP อาจได้รับส่วนลดพิเศษหรือสิทธิพิเศษในการเข้าถึงสินค้าใหม่ก่อนใคร
- ลูกค้าประจำสามารถรับคูปองส่งฟรีหรือคะแนนสะสมเพิ่มเติม
- ลูกค้าทั่วไปอาจได้รับโปรโมชั่นทดลองใช้สินค้า
การจัดระดับลูกค้ากับการตั้งราคาที่แตกต่างกัน
การตั้งราคาสำหรับลูกค้าแต่ละระดับช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อสินค้า เช่น การตั้งราคาพิเศษสำหรับลูกค้าระดับ VIP หรือการมอบโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าประจำ วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ
BigSeller กับฟีเจอร์ “ระดับลูกค้า” และ "ระดับราคาของลูกค้า"
ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การจัดการราคาสำหรับกลุ่มลูกค้าต่างๆ อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ด้วยฟีเจอร์ “ระดับราคาของลูกค้า” (Customer Tiered Price) จาก BigSeller คุณสามารถบริหารจัดการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เริ่มแรก สร้างระดับลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เช่น ระดับ VIP1 VIP2 หรือจะแบ่งเป็น “ลูกค้าใหม่” และ “ลูกค้าเก่า” ก็ได้
- ต่อมาสร้างราคาของสินค้าให้กับแต่ละระดับลูกค้า เช่น สินค้ารองเท้า ขายให้ระดับ VIP1 จะเป็นราคา 250 บาท, VIP2 245 บาท
- สร้างข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อลูกค้า วิธีการติดต่อลูกค้า ที่อยู่รับสินค้าของลูกค้า พร้อมเลือกระดับให้กับลูกค้าแต่ละราย
- สุดท้าย เมื่อคุณสร้างคำสั่งซื้อ POS ในระบบ คุณเลือกลูกค้าที่มีระดับที่เกี่ยวข้อง เมื่อเพิ่มสินค้า ระบบจะช่วยดึงราคาที่กำหนดไว้กับระดับของลูกค้านั้นๆ และสามารถบันทึกข้อมูลของลูกค้าโดยอัตโนมัติเมื่อทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อจากลูกค้ารายนี้
ด้วยฟีเจอร์ “ระดับราคาของลูกค้า” (Customer Tiered Price) คุณสามารถกำหนดระดับ VIP ได้ตามต้องการ และตั้งค่าราคาสินค้าที่แตกต่างกันตามระดับลูกค้า ซึ่งช่วยให้การจัดการลูกค้าเป็นเรื่องง่าย และวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับระดับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
สรุป
การจัดระดับลูกค้าและการตั้งราคาที่แตกต่างกันเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า ฟีเจอร์ “ระดับลูกค้า” และ "ระดับราคาของลูกค้า" จาก BigSeller ไม่เพียงแค่ช่วยให้การบริหารจัดการลูกค้าเป็นเรื่องง่าย แต่ยังช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการ
เริ่มต้นใช้งานฟีเจอร์นี้เพื่อสร้างโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้า และยกระดับธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างมั่นคง!
BigSeller ช่วยให้ผู้ขายอีคอมเมิร์ซในแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Shopee, Lazada, TikTok, LineShop และ Shopify รวมถึงกว่า 16 แพลตฟอร์ม สามารถจัดการสินค้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดำเนินการ OMS (ระบบจัดการคำสั่งซื้อ) การซิงค์สต็อก ไปจนถึงฟังก์ชัน WMS ( ระบบการจัดการคลังสินค้า ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือการตลาดที่แม่นยำและการดำเนินงานอัจฉริยะ ช่วยให้ร้านค้าของคุณโดดเด่นในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ปัจจุบัน BigSeller ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานกว่า 100,000 รายในประเทศไทย อย่ารอช้า! 👉คลิกลงทะเบียน BigSeller 👈 เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม และเริ่มต้นเส้นทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของคุณได้ทันที! ใช้ Bigseller ทันทีเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่
ใช้ BigSeller ก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่