เริ่มขายของใน Shopee ต้องสมัครยังไง เสียค่าใช้จ่ายไหม ?
Khun Big 05 ม.ค. 2024 02:14
สมัครขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง
แต่ก่อนจะเริ่มต้นขายของก็อยากให้ร้านค้าแต่ละร้านทราบนโยบายของ Shopee ก่อนว่ามีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ร้านต้องเสียเพื่อได้นำไปวางแผนคิดเรื่องต้นทุน ค่าสินค้า รวมถึงค่าอื่น ๆ ก่อนตั้งราคา ดังนี้
--ค่าธรรมเนียมจากการขาย สำหรับค่าธรรมเนียมการขาย Shopee จะมีการเรียกเก็บจากร้านค้า Shopee Mall Sellers เท่านั้นซึ่งจะคิดที่ 3% .ในหมวดหมู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนหมวดหมู่อื่น ๆ จะคิดที่ 5% (หักส่วนลดที่ผู้ขายรับผิดชอบ ไม่รวมค่าขนส่งและส่วนลดอื่น ๆ )
--ค่าธรรมเนียมการชำระเงินแบบปลายทาง จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมชำระปลายทางจากผู้ขายที่ 2% (ค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin)
--ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะผ่าน Mobile Banking หรือการโอนผ่านธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขายที่ 2% (ค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin)
--ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่าน AirPay Wallet คิดเมื่อมีการชำระสินค้าผ่าน AirPay Wallet โดยจะคิดอยู่ที่ 2% ของยอดทั้งหมดที่ผู้ซื้อต้องชำระ (ค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin)
--ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต จะคิดค่าธรรมเนียม 2% จากผู้ขายเมื่อผู้ซื้อชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต (ค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin)
--ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต แบบผ่อนชำระ จะคิดค่าธรรมเนียม 5% จากผู้ขายเมื่อผู้ซื้อชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ((2% มาจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิต ส่วน 3% จะคิดจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิตแบบผ่อนชำระ) ซึ่งจะรวมค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin
--ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่าน SpayLater จะคิดค่าธรรมเนียม 2% กับผู้ขายเมื่อผู้ซื้อมีการชำระค่าสินค้าผ่าน SpayLater ไม่ว่าจะชำระผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นก็ตาม (ค่าธรรมเนียมรวมค่าขนส่งสินค้าและราคาการใช้ส่วนลดต่าง ๆ รวม Shopee Coin)
5 เคล็ดลับฉบับพ่อค้าแม่ค้า Shopee มือใหม่ที่จะขายอย่างไรให้ปัง
ทิ้งท้ายด้วย 5 เคล็ดลับฉบับพ่อค้าแม่ค้า Shopee มือใหม่ที่จะขายอย่างไรให้ปังซึ่งจะช่วยให้ร้านของคุณถูกมองเห็นและเพิ่มโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น
1. Keyword ต้องมี ซึ่งเป็นข้อแรกที่สำคัญทำให้ลูกค้าเจอร้านของคุณเมื่อค้นหา โดยสรุปหลักการสั้น ๆ ง่าย ๆ มากให้
--สินค้าที่มีแบรนด์ ต้องมีชื่อแบรนด์นำหน้าเสมอ
--สินค้าที่ไม่มีแบรนด์ ต้องนำหน้าด้วยประเภทของสินค้า เช่น ชุดเดรส เสื้อคอกลม กางเกงขายาว ถุงมือ กระทะ ตู้เย็น เป็นต้น
--ควรระบุเพศว่าเหมาะกับใคร ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือ Unisex
--แทรกด้วยวัตถุประสงค์การใช้งานเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา เช่น เสื้อเชิ้ตทำงานผู้ชาย รองเท้าทำงานผู้หญิง เป็นต้น
--ตัวอักษรชื่อสินค้าไม่ควรเกิน 60 ตัวอักษร
2. รูปถ่ายต้องชัด เห็นรายละเอียดสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่าเราขายสินค้าอะไร มีลักษณะแบบไหน โดยควรเห็นแวปเว็บแรกแล้วรู้เลยว่าสินค้านั้นเป็นอะไรและภาพถ่ายไม่ควรมีตัวอักษร หรืออะไรมาบดบังซึ่งควรเลือกใช้กล้องที่ให้ภาพถ่ายคมชัดและควรเลือกถ่ายในช่วงกลางวันที่มีแสงธรรมชาติเข้ามาช่วยให้ภาพสวยยิ่งขึ้น
3. เข้าร่วมแคมเปญ มีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า ซึ่งสามารถทำควบคู่กันได้เนื่องจากในแต่ละเดือน Shopee มักจะมีแคมเปญต่าง ๆ ออกมาให้ร้านค้าเข้าร่วมเพื่อเพิ่มรายได้ในแต่ละเดือน รวมถึงตัวร้านค้าก็อาจจะจัดกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาร้านมากขึ้น เช่น ส่วนลด ของแถม ฟรีค่าจัดส่ง หรือโปรซื้อ 1 แถม 1 เป็นต้น
4. Active ร้านอยู่เสมอ แม้ข้อดี shopee คือลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อสินค้าที่ได้ทันที แต่ถ้าหากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามสินค้ากับทางร้านก็ต้องรอร้านค้ามาตอบซึ่งจะดีกว่าไหมหากมีการ standby หรือตั้งแจ้งเตือนเมื่อมีการทักเข้ามาสอบถามเพื่อช่วยให้ความรวดเร็วกับลูกค้าและสร้างความประทับใจที่พวกเขาอาจจะกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตก็ได้
5. หมั่นอัปเดตสินค้า ให้น่าสนใจ ซึ่ง Shopee เองก็มีการออกแบบหน้าตาร้านค้าให้เลือกปรับแต่งได้ตามความต้องการ รวมถึงเจ้าของร้านเองก็ต้องหมั่นอัปเดตสินค้าให้น่าสนใจ อัพสินค้าตามเทรนด์ต่าง ๆ บ้าง รวมถึงรูปภาพต่าง ๆ ที่ใช้ในร้านให้ดูน่ามอง แตกต่างจากร้านอื่นซึ่งจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา
สมัครขายของใน shopee จึงทำได้ไม่ยากเลย แค่เพียงมีมือถือเครื่องเดียวก็สมัครได้ โดยขั้นตอนการสมัครก็ไม่ซับซ้อนแค่เข้าหน้าเว็บ หรือหน้าแอป กรอกข้อมูล ยืนยันตัวตน ตั้งรหัสก็เข้าสู่ระบบเพื่อลงขายสินค้าได้ทันที แต่ทั้งนี้เนื่องจากเป็นร้านค้าใหม่พึ่งเริ่มต้นอาจจะไม่มีใครรู้จักการจึงจำเป็นต้องหมั่นเช็คคีย์เวิร์ด ตั้งชื่อสินค้าให้ดูน่าสนใจ รวมถึงรูปถ่ายสินค้าก็ต้องชัด มีการ Active ร้านอยู่เสมอและที่สำคัญต้องหมั่นอัพเดตทั้งข้อมูลและร้านค้าให้ดูน่าสนใจเพื่อจะได้เรียกลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา
แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลา อยากไปโฟกัสในการหาสินค้ามาวางขายบน Shopee มากกว่าก็สามารถเรียกใช้ BigSeller ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเรื่องการจัดการระบบร้านค้าครบวงจรที่ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลระบบหลังบ้าน มีเวลาโฟกัสสินค้ามากขึ้น โดยสามารถ
สนใจใช้ระบบจัดการร้านค้าครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Line: @bigseller